"วิโรจน์ เส็นบัตร" โค้ช & เพลย์เยอร์ ยะลา เอฟซี ขอสวมหมวกใบเดียวพาทีมขึ้นดิวิชั่น1

[YALA_18]

ข้อมูลจาก http://www.siamsport.co.th/Column/100520_071.html โดย..เจษ เมืองตรัง

ยุคที่เกมลูกหนังบ้านเรากำลังบูมสุดๆ ไม่แพ้เหตุบ้านการเมืองของไทยที่ดังไปไกลทั่วโลก นักเตะคลื่นลูกใหม่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดยามหน้าฝน แต่ละคนก็ล้วนฝีเท้าไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ส่วนพวกรุ่นเก่าลายคราม ก็มีคุณค่าตาวันเวลาที่ผ่านการใช้งาน

นักเตะที่มีประสบการณ์ผ่านการเล่นมาในระดับลีกสูง หรือไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 หรือจะเคยมีธงไตรรงค์ติดตรงหน้าอก ไม่ว่าจะชุดเล็กชุดใหญ่ ต่างก็ขายดิบขายดี แม้วัยบางคนจะกำลังวิ่งควบ หรือเข้าไปเข้าสู่เลขสามไปแล้วก็ตาม

หลายคนที่ยังรักษาดูแลสภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังคงรับบทบาทเป็นนักเตะ บางคนแม้ที่ปล่อยตัวแต่ก็ยังได้นำเอาประสบการณ์ผ่านมาถ่ายทอดให้รุ่นหลังในฐานะผู้ฝึกสอนก็หลายราย หรือบางคนก็ควบทั้งผู้ฝึกสอนและนักเตะ

"วิน" วิโรจน์ เส็นบัตร อดีตชุดแชมป์นักเรียนไทย ที่มี พยงค์ ขุนเณร เป็นโค้ชใหญ่ ซึ่งอยู่ในรุ่นเดียวกับนักเตะดังๆ อย่าง ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, อนุชา กิจพงษ์ศรี, สุริยะ อมตเวทย์ ณ วันนี้ในวัย 27 ปี
เขาคืออีกคนที่กำลังก้าวเดินบนเส้นทางบทบาทโค้ช แอนด์ เพลย์เยอร์ กับทีม "กริชพิฆาต" ยะลา เอฟซี

ย้อนความไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา วิโรจน์ เส็นบัตร มีชื่ออยู่ในทำเนียบนักเตะของทีม........และควบคู่กับการรับหน้าที่โค้ชของโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช และด้วยความสามารถที่มีในฐานะนักเตะดีกรีนักเรียนไทย ก็ได้นำมาถ่ายทอดให้รุ่นน้องๆ จนนำทีมคว้ารองแชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ "ดอกบัวเกมส์" ที่จ. อุบลราชธานี ซึ่งทำให้ตัวของเขาเริ่มเข้าใจคำว่าโค้ชมากขึ้น และเริ่มจะหันมาเอาดีทางด้านนี้มากกว่าการเป็นนักเตะ

ขณะที่ซีซั่นนี้เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ในจังหวัดยะลา ที่เล็งเห็นความสารถและไว้ใจให้เขามานั่งเก้าอี้กุนซือใหญ่แทนที่โค้ชปาวซี มูเด็ง ก่อนเกม เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคใต้ จะเริ่มเปิดซีซั่นไม่กี่วันเท่านั้น

กริช มหากาฬ ยะลา เอฟซี

"ตอนแรกผมก็คิดหนักเหมือนกันแม้ว่าจะเคยคุมทัพนักเตะระดับเยาวชนมา แต่นี่คือระดับอาชีพ แต่เมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสผมก็เลยตอบตกลงที่จะลองดูกันสักตั้ง เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองและมองในอนาคตตัวเองอายุก็มากขึ้นเรื่อยๆแล้วด้วย"

หลังจากที่ได้กลายมาเป็น "โค้ชวิน" วิโรจน์ เส็นบัตร ก็พาทีมยะลา เอฟซี สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งก้าวขึ้นมานั่งจ่าฝูงอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน ทว่าด้วยจิตวิญญาณของการเป็นนักเตะยังมีอยู่ และผนวกกับอาการบาดเจ็บที่มียาวนานก็หายเป็นปกติ ทำให้เขาเริ่มที่จะคัดเท้าอยากลงไปสัมผัสเกม ในจุดที่นังมองแล้วจากด้านนอกว่า ลูกทีมยังบกพร่องด้วยการลงไปอุดรูรั่วในแผงมิดฟิดล์ และที่สำคัญคำว่ากระแสที่มาแรงของบอลไทย เขาเองก็ปุถุชนคนธรรมดาที่ครั้งหนึ่งก็อยากลงไปสัมผัสกับมันบ้าง

"ผมนั่งมองลูกทีมลงไปเล่นในสนาม บางครั้งมันขัดใจว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ จึงมีความคิดที่อยากจะลงไปเล่นเองซะเลย เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตัวเองมีมาให้พวกเขาได้เห็น ซึ่งวัย 27 ปีและความฟิตของผมก็ยังโอเคอยู่ และผมมองว่ากระแสมันมาแรง ขณะเมื่อก่อนเล่นระดับสโมสรยังไม่บูมขนาดนี้ จึงอย่างสัมผัสกับมันดูบ้างว่าเป็นอย่างไร และจะได้สั่งเกมได้อย่างใกล้ชิดด้วย"

ทว่าหลังสวยบทบาทโค้ช แอนด์ เพลย์เยอร์ ไปสองเกม "กุนซือวิน" วิโรจน์ เส็นบัตร ก็ค้นพบตัวเองว่ามันไม่ใช่เลย ตนเองเหมาะกับการเป็นกุนซือนั่งสั่งเกมข้างสนามมากกว่า และรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฮอต ฟอร์มร้อนแรงเหมือนวัยละอ่อนอีกแล้ว และการจับปลาสองมือไม่ใช่สิ่งพึงกระทำเลย

การคนพบสัจจะธรรมนี้ ได้เกิดขึ้นกับตัวของ วิโรจน์ เส็นบัตร เอง เมื่อเขาใส่ชื่อตัวเองลงเป็นผู้เล่น 11 คนแรกในเกมที่ออกไปเยือนตรัง เอฟซี พ่ายมา 0-1 และถัดมาเกมในบ้านก็พ่ายกระบี่ เอฟซี 0-1 อีกครั้ง ซึ่งทำให้โค้ชวินพบว่า การทำงานควบสองอย่างในเวลาเดียวกันไม่มีทางประสบความสำเร็จแน่ และก็ได้ตัดสินใจขอนั่งคุมเกมข้างสนามอย่างเดียวดีกว่าทันที

"ผมได้เข้าใจแล้วหลังจากที่ลงไปเล่นในสนามมา 2 นัดติดว่ามันไม่ง่ายเลย และวันนี้ผมพร้อมที่จะทำหน้าที่กุนซืออย่างเดียวดีกว่า เพื่อพยามพาทีมยะลา เอฟซี มุ่งหน้าลุ้นเลื่อนชั้นไปเล่นดิวิชั่น 1 ให้ได้"

จากนี้ไปเราคงต้องรอการพิสูจน์ผลงาน ฝีมือการคุมทัพด้วยจิตใจมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับยะลา เอฟซี ในฐานะกุนซือของ วิโรจน์ เส็นบัตร ว่าหลังจากค้นพบตัวเองแล้ว เขาจะสามารถพาทีมกริชพิฆาต เดินทางบนสายการแข่งขันศึกเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ฤดูกาลนี้ได้ไกลแค่ไหนกันต่อไป

เจษ เมืองตรัง (ตามตะวัน)

[yalasusu]

ข้อมูลจาก http://www.siamsport.co.th/Column/100520_071.html โดย..เจษ เมืองตรัง

ยุคที่เกมลูกหนังบ้านเรากำลังบูมสุดๆ ไม่แพ้เหตุบ้านการเมืองของไทยที่ดังไปไกลทั่วโลก นักเตะคลื่นลูกใหม่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดยามหน้าฝน แต่ละคนก็ล้วนฝีเท้าไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ส่วนพวกรุ่นเก่าลายคราม ก็มีคุณค่าตาวันเวลาที่ผ่านการใช้งาน

นักเตะที่มีประสบการณ์ผ่านการเล่นมาในระดับลีกสูง หรือไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 หรือจะเคยมีธงไตรรงค์ติดตรงหน้าอก ไม่ว่าจะชุดเล็กชุดใหญ่ ต่างก็ขายดิบขายดี แม้วัยบางคนจะกำลังวิ่งควบ หรือเข้าไปเข้าสู่เลขสามไปแล้วก็ตาม

หลายคนที่ยังรักษาดูแลสภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังคงรับบทบาทเป็นนักเตะ บางคนแม้ที่ปล่อยตัวแต่ก็ยังได้นำเอาประสบการณ์ผ่านมาถ่ายทอดให้รุ่นหลังในฐานะผู้ฝึกสอนก็หลายราย หรือบางคนก็ควบทั้งผู้ฝึกสอนและนักเตะ

"วิน" วิโรจน์ เส็นบัตร อดีตชุดแชมป์นักเรียนไทย ที่มี พยงค์ ขุนเณร เป็นโค้ชใหญ่ ซึ่งอยู่ในรุ่นเดียวกับนักเตะดังๆ อย่าง ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, อนุชา กิจพงษ์ศรี, สุริยะ อมตเวทย์ ณ วันนี้ในวัย 27 ปี
เขาคืออีกคนที่กำลังก้าวเดินบนเส้นทางบทบาทโค้ช แอนด์ เพลย์เยอร์ กับทีม "กริชพิฆาต" ยะลา เอฟซี

ย้อนความไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา วิโรจน์ เส็นบัตร มีชื่ออยู่ในทำเนียบนักเตะของทีม........และควบคู่กับการรับหน้าที่โค้ชของโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช และด้วยความสามารถที่มีในฐานะนักเตะดีกรีนักเรียนไทย ก็ได้นำมาถ่ายทอดให้รุ่นน้องๆ จนนำทีมคว้ารองแชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ "ดอกบัวเกมส์" ที่จ. อุบลราชธานี ซึ่งทำให้ตัวของเขาเริ่มเข้าใจคำว่าโค้ชมากขึ้น และเริ่มจะหันมาเอาดีทางด้านนี้มากกว่าการเป็นนักเตะ

ขณะที่ซีซั่นนี้เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ในจังหวัดยะลา ที่เล็งเห็นความสารถและไว้ใจให้เขามานั่งเก้าอี้กุนซือใหญ่แทนที่โค้ชปาวซี มูเด็ง ก่อนเกม เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคใต้ จะเริ่มเปิดซีซั่นไม่กี่วันเท่านั้น

กริช มหากาฬ ยะลา เอฟซี

"ตอนแรกผมก็คิดหนักเหมือนกันแม้ว่าจะเคยคุมทัพนักเตะระดับเยาวชนมา แต่นี่คือระดับอาชีพ แต่เมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสผมก็เลยตอบตกลงที่จะลองดูกันสักตั้ง เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองและมองในอนาคตตัวเองอายุก็มากขึ้นเรื่อยๆแล้วด้วย"

หลังจากที่ได้กลายมาเป็น "โค้ชวิน" วิโรจน์ เส็นบัตร ก็พาทีมยะลา เอฟซี สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งก้าวขึ้นมานั่งจ่าฝูงอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน ทว่าด้วยจิตวิญญาณของการเป็นนักเตะยังมีอยู่ และผนวกกับอาการบาดเจ็บที่มียาวนานก็หายเป็นปกติ ทำให้เขาเริ่มที่จะคัดเท้าอยากลงไปสัมผัสเกม ในจุดที่นังมองแล้วจากด้านนอกว่า ลูกทีมยังบกพร่องด้วยการลงไปอุดรูรั่วในแผงมิดฟิดล์ และที่สำคัญคำว่ากระแสที่มาแรงของบอลไทย เขาเองก็ปุถุชนคนธรรมดาที่ครั้งหนึ่งก็อยากลงไปสัมผัสกับมันบ้าง

"ผมนั่งมองลูกทีมลงไปเล่นในสนาม บางครั้งมันขัดใจว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ จึงมีความคิดที่อยากจะลงไปเล่นเองซะเลย เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตัวเองมีมาให้พวกเขาได้เห็น ซึ่งวัย 27 ปีและความฟิตของผมก็ยังโอเคอยู่ และผมมองว่ากระแสมันมาแรง ขณะเมื่อก่อนเล่นระดับสโมสรยังไม่บูมขนาดนี้ จึงอย่างสัมผัสกับมันดูบ้างว่าเป็นอย่างไร และจะได้สั่งเกมได้อย่างใกล้ชิดด้วย"

ทว่าหลังสวยบทบาทโค้ช แอนด์ เพลย์เยอร์ ไปสองเกม "กุนซือวิน" วิโรจน์ เส็นบัตร ก็ค้นพบตัวเองว่ามันไม่ใช่เลย ตนเองเหมาะกับการเป็นกุนซือนั่งสั่งเกมข้างสนามมากกว่า และรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฮอต ฟอร์มร้อนแรงเหมือนวัยละอ่อนอีกแล้ว และการจับปลาสองมือไม่ใช่สิ่งพึงกระทำเลย

การคนพบสัจจะธรรมนี้ ได้เกิดขึ้นกับตัวของ วิโรจน์ เส็นบัตร เอง เมื่อเขาใส่ชื่อตัวเองลงเป็นผู้เล่น 11 คนแรกในเกมที่ออกไปเยือนตรัง เอฟซี พ่ายมา 0-1 และถัดมาเกมในบ้านก็พ่ายกระบี่ เอฟซี 0-1 อีกครั้ง ซึ่งทำให้โค้ชวินพบว่า การทำงานควบสองอย่างในเวลาเดียวกันไม่มีทางประสบความสำเร็จแน่ และก็ได้ตัดสินใจขอนั่งคุมเกมข้างสนามอย่างเดียวดีกว่าทันที

"ผมได้เข้าใจแล้วหลังจากที่ลงไปเล่นในสนามมา 2 นัดติดว่ามันไม่ง่ายเลย และวันนี้ผมพร้อมที่จะทำหน้าที่กุนซืออย่างเดียวดีกว่า เพื่อพยามพาทีมยะลา เอฟซี มุ่งหน้าลุ้นเลื่อนชั้นไปเล่นดิวิชั่น 1 ให้ได้"

จากนี้ไปเราคงต้องรอการพิสูจน์ผลงาน ฝีมือการคุมทัพด้วยจิตใจมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับยะลา เอฟซี ในฐานะกุนซือของ วิโรจน์ เส็นบัตร ว่าหลังจากค้นพบตัวเองแล้ว เขาจะสามารถพาทีมกริชพิฆาต เดินทางบนสายการแข่งขันศึกเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ฤดูกาลนี้ได้ไกลแค่ไหนกันต่อไป

เจษ เมืองตรัง (ตามตะวัน)

ว่ากันใหม่ครับ เลก2
สู้ๆๆครับ โค๊ช

[Oc]

โค้ชวินเราสุดยอดอยู่แล้ว

[C่haleRmpOn]

สู้ๆคับ