เหตุเกิดที่นราฯ

**YALA_18** Sat Mar 06, 2010 8:27 pm

ข้อมูลจาก http://www.siamsport.co.th/Column/100306_046.html โดย..ปูเป้

สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ตัดสินให้ มูฮัมหมัด ซอและห์ หะยีดาโอะ ประธานสโมสรฟุตบอลนราธิวาส เป็นผู้มีสิทธิ์ส่งทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 1 ฤดูกาลนี้ และให้คำร้องของ พิทยา พิมานแมน โค้ชทีมนราธิวาส พร้อมนักเตะชุดที่พาทีมขึ้นชั้น ที่ขอส่งทีมเข้าแข่งขันตกไป

กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เป็นกรณีศึกษา ที่จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทีมฟุตบอลสโมสรในเมืองไทยทั้งหมดทั้งมวล ย้อนกลับไปความขัดแย้งระหว่างกลุ่มสตาฟฟ์โค้ช นักเตะ กับผู้บริหารทีม เกิดขึ้นเมื่อ พิทยา พิมานแมน และนักเตะทั้งทีมออกมาเรียกร้องว่า จะไม่เล่นให้กับนราธิวาส หากยังมีผู้บริหารและประธานสโมสรชุดเดิม เนื่องจากที่ผ่านมา นักเตะไม่ได้รับเงินเดือนอย่างที่ตกลงกันไว้ ตัวหลักระดับเกรด เอ ได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาทต่อวัน เงินรางวัลจากการแข่งขันฟุตบอลลีกภูมิภาค รอบคัดเลือก เมื่อปีที่แล้วก็ไม่ได้รับการแบ่งปัน

สุธีรมาน ปอจิ กัปตันทีมนราธิวาส ให้สัมภาษณ์ในรายการคนฮอต ข่าวฮิต ทางสยามกีฬาทีวี ว่า พวกเขาและสตาฟฟ์โค้ชชุดนี้เล่นให้กับนราธิวาสมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ด้วยความทุ่มเท เล่นตั้งแต่ยังเป็นทีมอ่อนหัด จนทีมบ้านเกิดประสบความสำเร็จ ก้าวขึ้นมาสู่ฟุตบอลดิวิชั่น 1 ได้

แม้ว่าจะมีหลายทีมที่ติดต่อให้ย้ายไปเล่นให้ แต่พวกเขาที่อยู่กับทีมมานาน ผูกพันกับแฟนบอล อยากเล่นให้นราธิวาสต่อและคาดหวังว่าจะมีการบริหารทีมแบบอาชีพ ที่นักเตะต้องมีรายได้ มีเงินเดือนที่แน่นอน ซึ่งดูจากความนิยมของแฟนบอลแล้วคิดว่าทำได้ไม่ยาก แต่ผู้บริหารทีมทำไม่ได้

พวกเขาได้รับศรัทธาจากแฟนบอลเมืองกอและคับคั่ง ทุกนัดที่นราธิวาสลงทำการแข่งขัน แฟนบอลเข้าชมแน่นสนามทุกนัด หมื่นกว่าคนทุกนัด เก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนบาท พวกเขาจึงอยากจะส่งทีมแข่งขันเองในชื่อของ "กอและพิฆาต" โดยจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ นายกสมาคมกีฬาจังหวัด ให้การรับรอง

แต่ปัญหามันเกิดขึ้นอย่างนี้ครับ สมาคมฟุตบอลฯ ตั้งกติกาเอาไว้ว่า ทีมที่มีสิทธิ์เล่นได้ลีกภูมิภาคจะต้องได้รับการรับรองจากผู้ว่าฯ หรือ นายกสมาคมกีฬาจังหวัด แต่ทีมในดิวิชั่น 1 ต้องเป็นทีมที่จดทะเบียนในรูปแบบของบริษัทเป็นนิติบุคคล

เอกสารทุกอย่าง สมาคมฟุตบอลฯ ก็ส่งให้กับคุณมูฮัมหมัด ซอและห์ คุณซอและห์ก็จัดการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เป็นเจ้าของทีม โดยที่นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชไม่ยอมรับ ไม่เอาด้วย และไม่รู้ด้วยว่าเขาไปจดทะเบียนอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่

เมื่อสมาคมฟุตบอลฯ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก โดย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง พิจารณา ก็ตัดสินตามเอกสาร ว่า คุณมูฮัมหมัด ซอและห์ ถูกต้อง ได้สิทธิ์ส่งทีมแข่งขัน ทั้งที่คนนราธิวาสทั้งจังหวัดรู้ดีว่าคนที่ทำฟุตบอลมายาวนาน สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดคือนักเตะและสตาฟฟ์โค้ช คนเหล่านี้คือเจ้าของทีมที่แท้จริง นักเตะเหล่านี้คือลูกหลานของชาวนราธิวาส ที่คนเป็นหมื่นๆคนอยากจะเห็นพวกเขาลงเล่นในดิวิชั่น 1 ครั้งนี้

แม้สมาคมฟุตบอลฯ ที่ผมเชื่อว่ารู้อยู่เต็มอกว่าฝ่ายไหนควรจะได้รับความชอบธรรม แม้จะตัดสินไปแล้วโดยยึดหลักนิตินัย แต่ความถูกต้องในฐานะเจ้าของทีมโดยพฤตินัย ซึ่งควรจะเป็นนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชชุดเดิม ทำให้แฟนบอลนราธิวาสกลุ่มใหญ่ไม่ยอม และจะก่อหวอดประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ให้ลูกหลานเขา อย่าทำเป็นเล่นกับพลังมวลชนนะครับนี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่และบานปลายจนเกินจะควบคุม

และนี่คือปัญหาใหญ่ของฟุตบอลลีกเมืองไทย ในยุคเปลี่ยนผ่านจากสมัครเล่นไปสู่อาชีพ ที่อีกหลายสโมสร หลายจังหวัดจะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ทำฟุตบอลมาตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง ไม่มีผลประโยชน์ แต่พอถึงเวลาที่จะได้ผลตอบแทนกลับมีผู้มีอำนาจแสดงตัวเป็นเจ้าของแทน

สมาคมฟุตบอลฯ ในฐานะ "คนกลาง" ในฐานะ "ผู้พิพากษา" เตรียมตัวที่จะรับมือกับปัญหาแบบนี้ไว้อย่างไรหรือจะปล่อยให้เหตุการณ์ "ทำนาให้กากิน" เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เรื่อยๆ

ปูเป้